รังสี UV จากดวงอาทิตย์
ประกอบด้วย UV 3 ชนิด
การแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ (solar radiation) เป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของการแผ่รังสีที่ส่องมาถึงโลก โดยประกอบด้วยรังสี
UVA ยูวีเอ
(Long wave UVR หรือ Black light)
ช่วงคลื่น 400-315 นาโนเมตร เป็นแสงที่ส่งใกล้พื้นผิวโลกมากที่สุด หากสัมผัสในระยะเวลานานๆ จะสร้างความเสียหายต่อผิวหนัง เป็นสาเหตุของรอยดำหรือผิวเหี่ยวย่นของผิว
UVB ยูวีบี
(Middle UVR หรือ Sunburn radiation)
ช่วงคลื่น 315-280 นาโนเมตร
มีผลทำลาย DNA และเกิดมะเร็งส่วนผิวหนังได้
UVB ยูวีบี
(Middle UVR หรือ Sunburn radiation)
ช่วงคลื่น 280-170 นาโนเมตรเป็นรังสีคลื่นสั้นที่มีพลังงานมากที่สุดโดยเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทุกประเภท รวมถึงสามารถฆ่าเชื้อโรค
การนำแสง UVC ที่มีความเข้มข้นสูง ถูกนำมาใช้ในอุปกรณ์เพื่อการฆ่าเชื้อโรคในสถานที่ต่างๆ
เช่น บนรถเมล์ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ตามโรงพยาบาลจะมีที่ฉายแสง UVC เพื่อทำความสะอาด
ส่วนใหญ่ใช้หลอดรังสี UVC มีชื่อเรียกทั่วไปว่า หลอดกำจัดเชื้อโรค (Germicidal lamp) เป็นหลอดไอปรอทที่มีแรงดันภายในหลอดต่ำ ส่วนใหญ่จะให้รังสี UVC ที่ความยาวคลื่น 254 nm และรองลงมาจะให้รังสี UVC ที่ความยาวคลื่น 185 nm โดยระยะเวลาในการฆ่าเชื้อมีตั้งแต่ 30, 60 วินาที จนถึง 30 นาทีขึ้นอยู่กับช่วงปริมาณของรังสี UVC และระยะที่ใช้
ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้ ทั้งต่อผิวหนังและดวงตา ทำให้ทุกครั้งที่มีการใช้งาน ต้องป้องกันโดยการสวมชุด PPE ในกรณีที่เราใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้เป็นภาชนะปิด หรือมีการใส่ถุงมือหนาๆ เพื่อป้องกันอันตรายที่มีต่อผิวหนัง
UV กับการฆ่าเชื้อโรค
จะดีกว่าไหม ? ถ้าทั้งปลอดภัยและป้องกัน
เป็นเรื่องที่น่ายินดี เนื่องจาก ทีมแพทย์และนักวิจัยจาก Columbia University
ได้ทำการทดลองใช้แสงความยาวคลื่น 222 นาโนเมตร ในการฆ่าเชื้อไวรัล ซึ่งผลการวิจัย
สามารถฆ่าเชื้อได้ถึง ร้อยละ 99.9 %
ภาพมหาวิทยาลัย Columbia University
Far-UVC light (222 nm)
ความปลอดภัยของ Far-UVC Light (222nm)
นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของ UVC นักวิจัยหลายสถาบันการศึกษาชั้นนำในหลายแหล่ง ได้ทำการวิจัยก็พบว่า Far UVC Light (222nm) สามารถฆ่าเชื้อไวรัสและเชื้อโรคอื่นๆ โดยไม่ทำอันตรายต่อผิวหนังและรวมถึงเนื้อเยื่อของดวงตา เพราะแสงในระดับยี้ ไม่สามารถทะลุผ่านเซลล์ชั้นบนๆของผิวหนังกำพร้ารวมถึงเนื้อเยื่อของลูกตา (tear layer)